07 ธันวาคม 2553

ประเพณีผูกเสี่ยว

การผูกแขนให้คู่เสี่ยวเอก 9 คู่ และคู่เสี่ยวเกียรติยศ 7 คู่ ในพิธีกรรมที่เรียกว่า พิธีผูกเสี่ยว   ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลาผูกเสี่ยว ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ในงานเทศกาลไหมประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น  ประจำปี 2553  

 ประเพณีการผูกเสี่ยวเป็นขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของภาคอีสาน  ที่ให้คนรุ่นเดียวกันรักใคร่เป็นพี่เป็นน้องช่วยเหลือกัน เรียกว่า คู่เสี่ยว  เพื่อให้คนในท้องถิ่นและคนในชาติมีความรักใคร่กลมเกลียว สมัครสมานสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันคำว่าเสี่ยว  เป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า มิตรแท้ เพื่อนแท้ เพื่อนตาย มีความผูกพัน ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อกัน  โดยคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นคู่เสี่ยว  จะต้องอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน   มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน  มีนิสัยใจคอคล้ายหรือใกล้เคียงกัน  หรือมีเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้  อย่างนายสายัณห์  ผาน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต1  และนายสาโรจน์  สุวัตถิกูล พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ที่เข้าร่วมพิธีผูกเสี่ยวในวันนี้

 สำหรับพิธีกรรมของประเพณีผูกเสี่ยว หมอสูดขวัญจะเริ่มพิธีโดยให้คู่เสี่ยวจุดเทียนที่ปักไว้ยอดขันหมากเบ็ง แล้วหมอจะนำไหว้พระจบแล้วหมอสูดขวัญจะกล่าวเชิญเทวดา จากนั้นจึงสวดคำสู่ขวัญจนจบ แล้วหมอสูดขวัญจะนำเอาข้าวเหนียวใส่มือให้คู่เสี่ยวคนละหนึ่งปั้น  พร้อมไข่ต้มคนละฟอง  กล้วยน้ำว้าคนละใบ และผูกข้อมือให้แก่คู่เสี่ยวเป็นครั้งแรก โดยใช้เส้นด้ายหรือฝ้าย ที่วางอยู่ในขันหมากเบ็งมาผูก  ซึ่งตอนนี้เรียกว่า การผูกเสี่ยว

ส่วนอุปกรณ์ที่สำคัญที่ใช้ในพิธีกรรม มีพานบายศรีอาจเป็นบายศรีและมีเครื่องประกอบอีกหลายอย่าง เช่น สุรา 1 ขวด ไข่ไก่ต้ม 1 ฟอง ข้าวต้มมัด 4 ห่อ กล้วยสุก 4 ผล ข้าวเหนียวนึ่ง 1 ปั้น ใบพืชที่เป็นมงคล เช่น ใบคูน ใบเงิน ใบทอง ใบยอ ดอกรัก และที่ขาดไม่ได้คือ  ฝ้ายผูกแขน  นับว่าประเพณีผูกเสี่ยวเป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นพร้อมกันกับงานเทศกาลไหม  เป็นสัญลักษณ์คู่กับชาวขอนแก่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น