29 กันยายน 2553

กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 13 ราย และเตือนหลังถูกสุนัขแมวกัดต้องรีบไปล้างแผล ฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา  เป็นวันที่องค์กรเพื่อการรณรงค์ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า องค์การอนามัยโลกและองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ   กำหนดให้เป็นวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก   เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัว ช่วยกันป้องกัน และควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า    ข้อมูลน่าสนใจ จากกระทรวงสาธารณะสุข  เปิดเผยว่า  ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 13 ราย   เป็นชาย 10 ราย   หญิง 3 ราย   อายุระหว่าง 3 ปี  ถึง  67 ปี   ถูกสุนัขกัด 12 ราย อีก 1 ราย   ถูกแมวกัด   ส่วนใหญ่หลังถูกกัดไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกัน   หรือฉีดเพียงเข็มเดียว   จากการสอบสวนประวัติก่อนเสียชีวิต พบถูกกัดตั้งแต่ 1 เดือน จนถึง 1 ปี สุนัขที่กัด 9 ราย   มีเจ้าของ   แต่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน    ที่เหลือเป็นสุนัขจรจัด   3 ราย  แมวจรจัด 1 ราย   

 

โดยปีนี้มีคนไทยถูกสุนัข และแมวกัดทั้งหมด   446,255   พบว่า  เด็กอายุ 1-10 ปี    เป็นกลุ่มที่ถูกสุนัขกัดมากที่สุด   ในช่วงปิดเทอมผู้ปกครองที่พาลูกหลานไปเที่ยว   ขอให้หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขกัดและให้กำชับเด็กหากถูกสุนัขกัด ให้รีบบอกผู้ปกครอง หรือครูทันที    ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าปีละกว่า 55,000 ราย    หรือร้อยละ 95    เกิดขึ้นในประเทศแถบเอเชีย และแอฟริกา

 

โรคพิษสุนัขบ้า ป้องกันได้ 2 วิธี   คือ   ฉีดป้องกันในสัตว์เลี้ยง   เช่น   สุนัข แมว ต้องฉีดทุกปี   และฉีดป้องกันในคนหลังถูกกัดด้วย   ถึงแม้จะมีบาดแผลเพียงเล็กใหญ่   หรือแค่รอยถลอก   รอยเล็บสัตว์ขีดข่วนก็ตาม   จากการประเมินพบคนไทยยังมีความตื่นตัวเรื่องนี้น้อย   มีการฉีดวัคซีนป้องกันในสัตว์เลี้ยงต่ำกว่าร้อยละ 80   โดยองค์การอนามัยโลก  กำหนดควรครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 80 จึงสามารถป้องกันการแพร่ระบาดโรคในสัตว์ได้สำเร็จ    ดังนั้น จึงขอความร่วมมือคนเลี้ยงสุนัข แมว ให้พาสัตว์ทุกตัวไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี   

 

สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า    เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่มีอันตรายร้ายแรง หากปล่อยทิ้งไว้จนมีอาการป่วย    จะเสียชีวิตทุกราย   ไม่มียารักษา   สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นโรคนี้ได้    แต่ในประเทศไทยส่วนใหญ่สุนัขจะเป็นตัวนำโรคมาสู่คน    เชื้อโรคจะอยู่ในน้ำลายของสุนัขที่เป็นโรค    เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะเข้าสู่ร่างกายคนทางบาดแผล   หรือถูกเลียที่ปาก   จมูก   ตา   เชื้อจะเข้าทางปลายประสาทและขึ้นสมอง    ทำให้สมองหรือไขสันหลังอักเสบ   โดยทั่วไปจะปรากฏอาการหลังได้รับเชื้อตั้งแต่ 7 วัน   ถึงหลายปี    แต่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 1 ถึง  6 เดือน   สัตว์ที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามีทั้งชนิดเซื่องซึม   และอาการดุร้าย    ชนิดดุร้ายสังเกตได้ง่าย ๆ   คือ   สัตว์มีนิสัยเปลี่ยนไปจากปกติ    กระวนกระวาย ตื่นเต้น   ไล่กัดคน    หรือสัตว์อื่นที่ขวางหน้า  กลืนอาหารและน้ำไม่ได้    หางตก น้ำลายไหล   ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตหลังมีอาการไม่เกิน  10  วัน   หากเห็นสุนัข

มีอาการดังกล่าว   ต้องรีบช่วยกันกำจัดทันที เพื่อไม่ให้ไปกัดคนหรือสัตว์อื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น